-O-

Hello everyone ! I'm Thai. My name is Yuy. You can follow me for contacting and sharing.
มีข่าวสารที่น่าสนใจเกี่ยวกับเพลงรอบโลก ,, ยังไงก็ติดตามกันดูนะคะ ^-^

11/19/2554

ดูแลผิวสวยด้วยการทาครีมกันแดดให้ถูกวิธี

>>> อยากรู้ไหมว่าทำไมทาครีมกันแดดแล้วถึงไม่สามารถป้องกันผิวได้


เกือบจะถึงหน้าร้อนแล้วนะคะสาวๆ  … ยิ่งช่วงนี้แดดเริ่มแรงขึ้นทุกวันๆ สาวๆ หลายคนต้องเรียกหาตัวช่วยสำคัญอย่าง “ครีมกันแดด” มาปกป้องผิวสาวไม่ให้หมองคล้ำ แต่ปัญหาอย่างหนึ่งสำหรับสาวๆ ก็คือ ครีมกันแดดไม่สามารถป้องกันผิวตามระยะเวลาที่ระบุไว้บนฉลาก


อย่างเช่น SPF 10 ควรจะสามารถปกป้องผิวหนังจากแดดเผาได้นานเป็นระยะเวลา 10 เท่าเมื่อเทียบกับผิวหนังที่โดนแดดโดยไม่ได้ทาครีมกันแดด ซึ่งโดยทั่วไปผิวคนไทยถ้าไม่ได้ทาครีมกันแดดเลยและไปยืนตากแดด จะเริ่มเห็นผิวหนังมีสีแดงภายในระยะเวลาเพียง 10-15 นาที ดังนั้นหากทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 10 ควรจะป้องกันผิวหนังจากแดดได้นานถึง 100-150นาที แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้ผลเช่นนั้น …



ซึ่งสาเหตุที่ครีมกันแดดไม่สามารถป้องกันผิวได้ตามระยะเวลาที่ระบุไว้บนฉลากนั้นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างค่ะ ซึ่งแต่ละปัจจัยนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญที่สาวๆ ควรรู้ไว้ค่ะ







>>> วิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้องและได้ผล สาวๆ จะต้องทาครีมหนาเพื่อปกปิดผิวหนังทุกรูขุมขน ซึ่งเป็นวิธีการที่ผ่านการทดสอบในห้องทดลองจากนักวิทยาศาสตร์ แต่โดยทั่วไปแล้วสาวๆ มักจะนิยมทาเพียงเบาบางเพราะว่าไม่ต้องการความเหนียวเหนอะหนะ ทำให้รังสีดวงอาทิตย์สามารถกระทบและทะลุเข้าสู่ผิวหนังได้บางส่วน นักวิชาการจึงแนะนำว่าหากต้องการทาแล้วได้ผลควรทาบ่อยๆ ทุก 1-2 ชั่วโมง


>>> ภายหลังจากการทาครีมกันแดด สาวๆ มักจะมีกิจกรรมต่างๆ เช่น ออกกำลังกายด้วยการตีแบด ว่ายน้ำ วิ่ง เดิน หรืออื่นๆ ทำให้เหงื่อออกทางผิวหนังและแน่นอนครีมกันแดดจะถูกเหงื่อทำให้ละลายออกโดยง่าย ทำให้ประสิทธิภาพของครีมกันแดดลดลงหรือหมดไปในบางกรณี








>>> สารกรองรังสียูวีที่เป็นองค์ประกอบในครีมกันแดดหลายชนิดไม่คงตัว และจะสลายตัวเมื่อโดนความร้อน ทำให้ครีมกันแดดเสื่อมประสิทธิภาพไป ครีมกันแดดบางยี่ห้ออาจเสื่อมไปตั้งแต่ยังไม่ทันได้ใช้ก็มี ในกรณีที่ผู้ขายเก็บไว้ในร้านค้าที่ร้อนหรือผู้ซื้อไปเก็บไว้ในที่ ร้อนก็สามารถทำให้สารกันแดดเสื่อมประสิทธิภาพก่อนเปิดใช้ได้เช่นกันค่ะ




ดังนั้นถ้าสาวๆ จะเลือกซื้อครีมกันแดดจึงควรเลือกซื้อจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือซึ่งสินค้าจะถูกเก็บรักษาใน สถานที่ปรับอากาศ และดูรายละเอียดฉลากถึงวันเดือนปีที่ผลิตว่าเก่าเก็บหรือไม่ เพราะนอกจากครีมกันแดดจะหมดประสิทธิภาพแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดพิษระคายเคืองต่อผิวหนังได้อีกด้วยค่ะ

จะทาครีมกันแดดครั้งต่อไปยังไงสาวๆ ก็อย่าลืมนึกถึงปัจจัยเหล่านี้ด้วยนะคะ … อยากจะปกป้องผิวซักทีก็ต้องรู้จักวิธีทาครีมกันแดดที่ถูกต้องด้วยนะคะ


ที่มา : www.dek-d.com


11/18/2554

Rolling in the Deep เพลงแรงแห่งปี จาก Adele (อะเดล)

 อะเดล (Adele



Rolling in the Deep เพลงแรงแห่งปี จาก อะเดล พร้อมสร้างสถิติใหม่ อันดับ 1 ในชาร์ตบิลล์บอร์ด 7 สัปดาห์ (วอร์นเนอร์ มิวสิค)

กลายเป็นสุดยอดซูเปอร์สตาร์ของปี 2011 ไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับ อะเดล Adele สาวเสียงดีจากอังกฤษ เจ้าของอัลบั้มชุดล่าสุดที่ชื่อ 21 เมื่ออัลบั้มชุดนี้กลายเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดของปี 2011 เมื่อนับจากยอดขายตั้งแต่ต้นปีและที่เจ๋งเป้งกว่านั้นก็คือ ซิงเกิ้ลแรก โรลลิงค์ อิน เดอะ ดีฟ (Rolling in the Deep) จากอัลบั้ม ประสบความสำเร็จไม่แพ้อัลบั้มเมื่อกลายเป็นเพลงฮิตที่สุดของปีนี้ และสร้างสถิติเอาไว้มากมายไม่ว่าจะเป็นการขึ้นอันดับ 1 ในบิลล์บอร์ดชาร์ตได้ถึง 7 สัปดาห์

ล่าสุดเพลงนี้ติดอันดับในชาร์ตบิลล์บอร์ดมากถึง 5 ชาร์ต ไม่ว่าจะเป็นชาร์ตเพลงป็อป, ร็อค, อาร์แอนด์บี, ฮิพ-ฮ็อพ, แดนซ์ และล่าสุด ชาร์ตเพลงละติน ซึ่งเป็นสถิติใหม่สำหรับวงการเพลง ความแรงของเพลงนี้ ยังส่งให้ศิลปินมากมายนำไปร้องบนเวทีการแสดงสดของตัวเอง ล่าสุด เชสเตอร์ จากวงลินคิน พาร์ค ก็เอาเพลงนี้ไปร้องในคอนเสิร์ตเช่นกัน

และในบ้านเรา โรลลิงค์ อิน เดอะ ดีฟ ก็กลายเป็นเพลงมาแรงไม่แพ้ในอเมริกา และทั่วโลกเช่นกัน เมื่อขึ้นอันดับ 1 ในคลื่นเพลงสากลสุดฮิพ Met 107 ไปเรียบร้อยแล้ว และยังจ่อขึ้นอันดับ 1 ในอีกหลายชาร์ตเพลงสากล ไม่ว่าจะเป็นทางสถานีวิทยุ หรือว่าทางสถานีโทรทัศน์ดนตรี ที่เพลงนี้กลายเป็นเพลงที่ถูกขอ และได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่หากการฟังทางสถานีวิทยุ หรือชมทางสถานีโทรทัศน์ดนตรียังไม่สะใจ สามารถฟังเพลงที่ดังที่สุด และได้รับความนิยมมากที่สุดของปีนี้ ได้จากอัลบั้ม 21 อัลบั้มที่ขายดีที่สุดของปีนี้ได้เช่นกัน



 




* เพลงนี้ชอบเป็นพิเศษเลยค่ะ เพราะมาก ๆ ลองฟังดูกันนะคะ >_<

ที่มา : www.kapook.com , www.youtube.com


ประเทศที่น่าเที่ยว แต่กลับไม่ค่อยมีคนไปเที่ยว !

โบลิเวีย


ประเทศโบลิเวียเป็นประเทศในทวีปอเมริกาใต้ หากพูดถึงทวีปนี้ นักท่องเที่ยวก็มักมุ่งตรงไปยังประเทศอื่นๆ เช่น เปรูเพื่อไปชมมาชูปิคชู อาร์เจนติน่าเพื่อไปพาตาโกเนีย แต่น้อยคนที่ตั้งใจจะมาเยือนโบลิเวียจริงๆ


          โบลิเวียเป็นประเทศที่ถือว่า ยังไม่ค่อยได้รับวัฒนธรรมแบบตะวันตกมามากเท่าไหร่ รวมถึงพลเมือง 2 ใน 3 ของประเทศก็เป็นเชื้อสายละตินอเมริกันแท้ๆ วัฒนธรรมต่างๆ ที่นี่จึงยังเป็นอะไรที่ original มากๆๆ ที่นี่ไม่มีการถูกกลืนทางวัฒนธรรม จนได้รับฉายาว่าเป็น "ทิเบตแห่งอเมริกา" และถึงจะเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่ายากจนที่สุดประเทศหนึ่งในอเมริกาใต้ แต่โบลิเวียก็ร่ำรวยทางธรรมชาติ รวมถึงมีทะเลเกลือที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย ดังนั้นอุตสาหกรรมหลักๆ ของประเทศนี้ก็คือเหมืองเกลือ


รวันดา


ถ้าพูดถึง "รวันดา" หลายคนอาจไม่รู้จัก แต่ทุกคนที่รู้จักก็จะนึกถึงแต่ "เหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในปี 1994" ที่ชนพื้นเมืองชาวตุดซีและชาวฮูตูถูกสังหารหมู่ไปกว่าล้านคน จริงๆ แล้วคนทั้งสองเผ่านี้ก็ผลัดกันขึ้นปกครองประเทศ เผ่าไหนได้เป็นรัฐบาลก็มักจะรังแกอีกฝ่าย จนเมื่อในปี 1994 ที่เผ่าฮูตูได้ขึ้นเป็นรัฐบาล ทหารชาวบ้านฮูตูก็สะสมอาวุธและเริ่มรังแกเผ่าตุดซี เผ่าตุดซีก็ไม่ยอม ไปๆ มาๆ กลายเป็นสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่น่าสะพรึงกลัว


ถึงเหตุการณ์จะผ่านไปเกือบ 20 ปีแล้ว แต่สำหรับคนต่างชาติ รวันดาถือเป็นประเทศที่ล้าหลังและดูนิยมใช้ความรุนแรง แต่จริงๆ แล้วที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและได้ชื่อว่าเป็น “Land of a Thousand Hills” หรือดินแดนพันเทือกเขา มีป่าที่อุดมสมบูรณ์โดยเฉพาะลิงกอริลล่าที่ถือเป็นไฮไลต์ของการท่องเที่ยว ดังนั้นประโยคที่ว่า Don’t let this history stop you น่าจะใช้ได้กับคนที่สนใจอยากลองเที่ยวประเทศใหม่ๆ รวันดาถือเป็นตัวเลือกที่ไม่น่ามองข้ามทีเดียว


ภูฏาน

 ก่อนอื่นคงมีคนเถียงกันว่าชื่อประเทศนี้อ่านว่าไง คำตอบที่ถูกต้องก็คือ "พู-ตาน" คนไทยเราเพิ่งจะเริ่มมารู้จักประเทศนี้พร้อมกับเจ้าชายจิกมีเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง ประเทศนี้ถือว่าเป็นประเทศที่ยังอนุรักษ์ทุกๆ อย่างของประเทศไว้ได้เหมือนเดิมไม่ต่างกับ 100 ปีมาแล้ว รัฐบาลรณรงค์ให้ชาวภูฏานใส่ชุดประจำชาติของตน ซึ่งสามารถเห็นชาวภูฏานใส่ชุดประจำชาติของตนเป็นชุดประจำวัน มีการจำกัดนักท่องเที่ยวต่างชาติไว้ที่ปีละ 6,000 คนเท่านั้น !!! (เฉลี่ยวันละ 16 คน) เพราะกลัวว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะนำวัฒนธรรมอื่นๆ เข้ามาผสมหรือมาทำลายสิ่งแวดล้อมของภูฏาน รวมถึงมีการบังคับว่า นักท่องเที่ยวจะต้องใช้เงินอย่างน้อยวันละ USD200 หรือประมาณ 6,000 บาทด้วย ดังนั้นหากใครจะไปภูฏานก็ต้องกระเป๋าหนักพอสมควร

เลบานอน


เลบานอนเป็นประเทศเล็กๆ ในแถบตะวันออกกลาง ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในช่วงปี ค.ศ. 1975 – 1991 เลบานอนตกอยู่ภายใต้ภาวะสงครามกลางเมือง มีความขัดแย้งระหว่างกลุ่มอาหรับและกลุ่มคริสเตียนในเลบานอน แต่ในปัจจุบันสถานการณ์ของประเทศกลับสู่สภาพปกติ เริ่มมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวแต่ยังไม่มากนัก 

           ถึงจะเป็นประเทศเล็กๆ แต่เลบานอนก็มีเสน่ห์และน่าสนใจไม่น้อย ในหน้าหนาวช่วงเดือนธันวาคมถึงมีนาคม เลบานอนถือเป็นสวรรค์ของนักเล่นสกี พอในหน้าร้อน ก็เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชอบนอนอาบแดดให้มาเที่ยวชายหาด แม้แต่ในเมืองหลวง "เบรุต" ก็ได้ชื่อว่าเป็นปารีสแห่งโลกตะวันออก เพราะเต็มไปด้วยร้านอาหาร คลับ บาร์ คึกคักไม่แพ้กรุงปารีสทีเดียว


ที่มา : www.dek-d.com